มาดูแลปัญหาช่องปากในสัตว์เลี้ยงกันเถอะ

ในปัจจุบัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวนมากพบปัญหาของช่องปากในสุนัขที่มีอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป ส่งผลให้สุนัขเกิดความเจ็บปวด ซึม ไม่ร่าเริงเหมือนเคย กินอาหารได้น้อยลง ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมของสุนัข นอกจากนี้ปัญหาจากช่องปากสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายและหัวใจได้ วันนี้ผมมีข้อมูลดีๆ ในการดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี เพื่อเสริมให้สุนัขมีอายุที่ยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาฝาก จาก อ.สพ.ญ.ดร.พรรณระวี ภูมิวุฒิสาร และอ.สพ.ญ.ดร.ศิรินันท์ พิสมัย จากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โรคปริทันต์ เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดทั้งในสุนัขและแมว เกิดขึ้นจากคราบน้ำลาย (pellicle) ที่ถูกสร้างขึ้นตามปกติเพื่อรักษาตัวฟันในแต่ละวัน ถูกสะสมไปด้วยแบคทีเรียในช่องปากจนกลายเป็นคราบพลัค (dental plaque) ซึ่งคราบพลัคนี้เมื่อเจอกับแร่ธาตุในน้ำลายก็จะแข็งตัวจนกลายเป็นคราบหินปูน (dental calculus) ส่งผลให้อวัยวะปริทันต์อักเสบ สุนัขจะมีกลิ่นปาก เหงือกอักเสบ ฟันโยกคลอน หากเป็นมากสามารถเกิดการติดเชื้อและกลายเป็นฝีรากฟันได้
เราจำเป็นต้องดูแลช่องปากของสัตว์หรือ
การดูแลช่องปากเป็นประจำนั้นมีความสำคัญมาก เพราะน้ำลายของสุนัขมี pH เป็นด่าง (7.5) เมื่อเทียบกับมนุษย์ (6.5) จึงมีปริมาณแร่ธาตุสะสมในน้ำลายมากกว่า ทำให้เกิดหินปูนในช่องปากมากกว่ามนุษย์ที่ส่วนใหญ่ฟันจะผุจากความเป็นกรด (dental caries) ดังนั้นการแปรงฟันเพื่อหยุดยั้งการเกิดคราบพลัคก่อนที่จะกลายเป็นหินปูนนั้นจึงดีที่สุด
การดูแลช่องปากในสุนัขควรปฏิบัติตัวอย่างไร
การดูแลช่องปากของสุนัขมีวิธีในการดูแลง่ายๆ ดังนี้
1.ควรเริ่มแปรงฟันสุนัขตั้งแต่ยังเล็ก เริ่มได้ตั้งแต่สุนัขอายุ 6 เดือน เป็นต้นไป
2.หากเริ่มฝึกแปรงฟันตอนสุนัขมีอายุมาก ควรฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น เริ่ม หัดจับบริเวณปาก แล้วค่อยเริ่มแปรงฟันโดยใช้ปลอกนิ้วก่อนจะใช้แปรงสีฟันสำหรับสุนัข เป็นต้น
3.ใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัข เนื่องจากยาสีฟันของมนุษย์โดยทั่วไปมักผสมฟลูออไรด์และซอร์บิทอลที่เป็นพิษกับสุนัข โดยให้สุนัขลองลิ้มรสยาสีฟันก่อน โดยอาจป้ายไว้ที่จมูกให้สุนัขเลียก่อนให้คุ้นเคย เมื่อแปรงฟันด้วยยาสีฟันสำหรับสุนัขเสร็จไม่จำเป็นต้องบ้วนน้ำออก
4.หลังจากแปรงฟันเสร็จควรชื่นชม หรือให้ขนมขัดฟันในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี
5.พาสุนัขไปรับการตรวจฟันกับสัตวแพทย์เป็นประจำ ทุก 6 เดือน หรือหนึ่งปีตามที่สัตวแพทย์แนะนำ
อาหารที่ให้สุนัขกินควรเลือกชนิดไหนดี
นอกจากการทำความสะอาดช่องปากและฟันแล้ว การให้อาหารที่เหมาะสมยังช่วยส่งเสริมให้สุนัขมีสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าสุนัขที่ได้รับอาหารแห้งจะมีสุขภาพช่องปากที่ดีกว่าสุนัขที่ได้รับอาหารเปียก นอกจากนี้อาหารสำเร็จรูปในรูปแบบเม็ดที่มีขนาดใหญ่จะส่งเสริมให้เกิดการบดเคี้ยวได้ดีเมื่อเทียบกับอาหารเม็ดขนาดเล็ก ดังนั้นเมื่อสุนัขได้รับอาหารที่มีเม็ดขนาดใหญ่จะทำให้สุนัขมีสุขภาพช่องปากที่ดีกว่าเช่นกัน
ขอขอบคุณโครงการ Smart Vet Smart Society และคลินิกศัลยกรรม โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่มา: มั่นคง ตรงไป ตรงมา แนวหน้า